การได้มาซึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ - สยามกีฬา

ayoindex.blogspot.com

หากวันนั้นไม่มีการนัดพบกันตรงชานเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบแล้วล่ะก็.. ลิเวอร์พูล อาจไม่ได้เจอกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในอีก 1 ทศวรรษต่อมาเลยก็ได้

   ตอนนั้น คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมวัยเพียง 38 ปี จากย่าน แบล็ค ฟอเรสต์ ที่น้อยคนจะรู้จัก ส่วน มาร์ค โคซิคเก้ ชาวเมืองเบรเมน เป็นตัวแทนจาก ไนกี้ ประจำสาขาใน เยอรมนี

   การพบกันเกิดขึ้นเมื่อปี 2005 ตอนที่ คล็อปป์ คุม ไมน์ซ ได้ 4 ปี ช่วงนั้นเขากำลังทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่ได้ขึ้นตรงกับสโมสร ซึ่งทาง โคซิคเก้ มองเห็นแววว่า คล็อปป์ มีภาพลักษณ์เหมาะสมกับการเป็นสปอนเซอร์รองเท้าให้บริษัท และกำลังพิจารณาว่าหากจะให้ คล็อปป์ ใส่รองเท้า ไนกี้ ออกแอคชั่นคุมทีมข้างสนามมันจะเหมาะสมหรือเปล่า?

   ไมน์ซ อยู่ไม่ไกลจากที่นัดพบมากนัก ขับรถแค่ 40 นาทีก็ถึงที่หมาย วันนั้น คล็อปป์ ไปที่นั่นพร้อมกับเพื่อนที่เป็นทนายซึ่งคอยดูแลสัญญาของตัวเอง

   เขาไม่มีเอเยนต์ส่วนตัวเพราะไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีความสำคัญมากมายอะไรนัก...

   คล็อปป์ นั่งลงที่โต๊ะ ในชุดแต่งกายกางเกงยีนส์พร้อมเสื้อแบบมีฮู้ด ซึ่งดูแล้วช่างไม่เหมือนคนเป็นผู้จัดการทีมแม้แต่นิดเดียว  โดยที่เพื่อนทนายนั่งอีกฝั่ง ขณะที่ โคซิคเก้ นั่งพิงเก้าอี้หนังอันแสนนุ่ม และกำลังพิจารณาคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียดถี่ถ้วน

   สถานะ ไมน์ซ ในตอนนั้นเป็นทีมที่เล่นใน บุนเดสลีกา แม้ซีซั่น 2004/05 จะได้เพียงอันดับ 11 แต่พวกเขาได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า คัพ จากสถิติเสียใบเหลือง-ใบแดงน้อยที่สุด หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขกฎแฟร์เพลย์

  ในมุมมองของ โคซิคเก้ ที่มีต่อ คล็อปป์ เขามั่นใจว่า เทรนเนอร์ไมน์ซคนนี้ เป็นคนที่เหมาะสม แม้จะชอบออกท่าทางดูเอิกเริกไปบ้างก็ตาม

   โคซิคเก้ ชอบ คล็อปป์ เอามาก ๆ แต่ก็ยังอยากรู้จักอีกฝ่ายให้มากกว่านี้สักหน่อย หลังจากนั้น มีการนัดพบกันอีก 1 ครั้ง โดยรอบนี้นัดหมายที่ผับแถบชนบท 

   วันดังกล่าว คล็อปป์ สั่ง Wheat Beer ซึ่งเป็นเบียร์ที่มีรสชาตินุ่ม ส่วน โคซิคเก้ ก็สั่งตามเหมือน เจอร์เก้น.. พวกเขาสนุกกันสุดเหวี่ยงชนิดไม่รู้ว่าพระอาทิตย์ตกดินไปตอนไหน จำนวนเบียร์ถูกเสิร์ฟมาเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป

   ช่วงเวลาหนึ่ง คล็อปป์ ลุกไปเข้าห้องน้ำ และพอออกมา โคซิคเก้ ก็สวนทางเข้าไป จู่ ๆ คล็อปป์ ก็เอ่ยปากตอนที่เดินสวนกันว่า "ที่จริงผมไม่ได้สนเรื่องเงินหรอกนะ แต่เพื่อนผมน่ะ..."

   หลังจากนั้น คล็อปป์ ก็อธิบายว่าเพื่อนทนายของตัวเองเพิ่งซื้อเรือเก่า ๆ มา และกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมเพื่อจะเอากลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง มีการประเมินกันว่าจำนวนเงินค่าซ่อมอยู่ที่เกือบ ๆ 12,000 ยูโร

   "เอาเป็นว่ามาทำข้อตกลงกัน แล้วให้เขาได้เรือตามที่เขาต้องการแล้วกันนะ" คล็อปป์ ยื่นเสนอขึ้นมา

   เมื่อ โคซิคเก้ ได้ยินเขาก็หัวเราะดังลั่น เขาเห็นด้วยว่ามันเป็นความคิดที่ดี และคิดได้ทันทีเลยว่าการร่วมงานกับ คล็อปป์ จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น 

   โคซิคเก้ ยอมรับเลยว่า คล็อปป์ แตกต่างไปจากคนอื่น ๆ ที่เขาเคยเจรจา

   ...

   ช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปี 2015 คล็อปป์ และ โคซิคเก้ กำลังนั่งตรงห้องรับรองของสายการกินลุฟท์ฮันซ่า ณ สนามบินมิวนิก 

   เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจดจำ คล็อปป์ ได้ ทั้งที่เขาพยายามปกปิดตัวเองอย่างมิดชิด อย่างไรก็ตาม เขาก็เปิดใจภายหลังว่าตอนนั้นแต่งตัวให้ดูจำได้ง่ายเกินไป

   "แล้วเขาจะบินไป นิวยอร์ค ทำไมกันล่ะ?"

   อะไรหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนไปมาก นับตั้งแต่ คล็อปป์ ได้พบกับ โคซิคเก้ ที่ แฟร้งค์เฟิร์ต

   ในปี 2006 มีหลายทีมสนใจดึง คล็อปป์ ไปร่วมงาน และเขาก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องให้คนมาช่วยจัดการเรื่องชีวิตในแต่ละวัน

   ไมน์ซ มีผลงานดีกว่าที่หลายคนคิด และผู้คนใน เยอรมนี หลายล้านคนก็เห็นเขาผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ตลอดช่วงซัมเมอร์ปี 2006 เพราะตอนนั้น คล็อปป์ ทำหน้าที่เป็นกูรูทางทีวีในช่วงฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนี เป็นเจ้าภาพ 

   โคซิคเก้ ประทับใจที่ คล็อปป์ สามารถชี้แจงเรื่องแท็คติกได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องเจาะลึกอะไรให้ดูเหมือนเป็นคนรู้ดี เขารู้วิธีที่จะอธิบายให้คนอื่น ๆ เข้าใจถึงประเด็นได้ยอดเยี่ยมผ่านทางบุคลิกนิสัยของตัวเอง

   ถึงวันที่ โคซิคกี้ ออกจาก ไนกี้ แล้วมาตั้งบริษัทเอเยนต์ของตัวเอง ช่วงแรก ๆ เขาทำสัญญากับผู้เล่นเท่านั้น แต่ในงานอีเวนต์หนึ่ง คล็อปป์ เข้าไปหาเขาแล้วพูดแบบตรง ๆ ว่า "ผมอยากให้คุณมาเป็นตัวแทนของผม..."

   ...

   ดีลใหญ่ดีลแรกของทั้งคู่ คือการเซ็นสัญญากับ โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นทีมเบอร์ 2 ของ เยอรมนี และพอ คล็อปป์ เข้าไปทำงานที่นั่น เขาก็สร้างผลงานให้ทีมดีขึ้นชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ว่าจะได้แชมป์ลีก 2 สมัย, แชมป์ เดเอฟเบ โพคาล และ เดเอฟแอล ซูเปอร์ คัพ อีกทั้งยังพา 'เสือเหลือง' เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี

   แม้ในซัมเมอร์ปี 2015 เป็นช่วงที่ คล็อปป์ กำลังพักผ่อนจากการทำงานหลังคุม ดอร์ทมุนด์ นานถึง 7 ฤดูกาล แต่ โคซิคเก้ ยังคงทำงานต่อเนื่อง เขาจัดแจงเรื่องต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าที่เป็นเหมือนเพื่อนกลับไปรับงานกุนซืออีกครั้ง

   จริงอยู่ว่า คล็อปป์ ไม่ได้สั่งหรือบังคับอะไรเอเยนต์ส่วนตัวโดยตรง แต่ โคซิคเก้ ก็ทำหน้าที่ตามแบบอย่างเอเยนต์ที่ดี นั่นคือคอยติดต่อ, รับสาย และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสโมสรที่ในอนาคตจะร่วมงานด้วย โดยข้อมูลต่าง ๆ มาจากแหล่งข่าวของตัวเองที่น่าเชื่อถือได้

   เชลซี คือหนึ่งในสองทีม ส่วนอีกทีมหนึ่งก็แน่นอนล่ะคือ ลิเวอร์พูล

   โคซิคเก้ อยากรู้ว่าเจ้าของทีมกับโครงสร้างบอร์ดบริหารของทีมที่คุยด้วยเป็นอย่างไร รวมถึงอยากรู้ว่าที่จริงแล้ว ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นคนแบบไหน และมีหน้าที่อะไรบ้าง? ซึ่งตอนนั้น เอ็ดเวิร์ดส์ ยังไม่ได้เป็นผู้อำนวยการกีฬาของ ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ แต่ โคซิคเก้ ก็พอรู้มาบ้างว่า เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นคนที่มักจะมีส่วนร่วมกับการดำเนินการต่าง ๆ ของ ลิเวอร์พูล ทุกเรื่องเพียงแค่ยังไม่มีตำแหน่งแบบทางการก็เท่านั้น

   อย่างไรก็ตาม คนแรกที่ โคซิคเก้ สนใจคือ เอียน แอร์ เพราะ แอร์ น่าจะเป็นคนแรกที่เขาต้องติดต่อด้วย หาก ลิเวอร์พูล เดินเรื่องดึง คล็อปป์ อย่างจริงจัง

   แน่นอนว่าชื่อเสียงของ แอร์ ในโลกอินเทอร์เน็ตมันไม่ดีเท่าไหร่ จากการที่เขาทำให้ ลิเวอร์พูล พลาดได้ผู้เล่นหลายคน แต่ โคซิคเก้ ก็ยังอยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่?

   ข้อมูลบางอย่างที่ โคซิคเก้ ได้รับมามันอาจดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ทั้งเขาและ คล็อปป์ ก็อยากตัดสินด้วยตาตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่โดนกล่าวหาว่ามีส่วนทำให้ ลิเวอร์พูล อยู่ในสภาพย่ำแย่

   ในมุมหนึ่ง นี่อาจเป็นการสัมภาษณ์งานเพื่อพิสูจน์ตัวเองของ คล็อปป์ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นเหมือนการสัมภาษณ์งานของ แอร์ เพื่อที่ คล็อปป์ จะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายเหมือนกัน

   ...

   ย้อนกลับไปคำถามก่อนหน้านี้ที่ว่า "แล้วเขาจะบินไป นิวยอร์ค ทำไมกันล่ะ?"

   ความจริงวันนั้นคือวันที่ คล็อปป์ และ โคซิคเก้ จะเดินทางไปที่ แมนฮัตตัน ตามกำหนดนัดหมายครั้งสำคัญ แต่เขาเลือกตอบเจ้าหน้าที่สนามบินมิวนิค ไปว่าที่จะไป นิวยอร์ค ก็เพื่อนชมเกมบาสเกตบอล ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ฤดูกาลแข่งขัน NBA มันยังไม่เริ่มขึ้นเลย

   โชคดีที่ ไมค์ กอร์ดอน แห่ง เฟนเวย์ สปอร์ต กรุ๊ป เลือก นิวยอร์ค เป็นที่นัดหมาย ซึ่งหากไปเลือก บอสตัน ซึ่งเป็นบ้านของ FSG แล้ว ทุกคนก็คงจะรู้ว่าทำไม คล็อปป์ ถึงไปที่นั่น

   โคซิคเก้ แทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ กอร์ดอน มากนัก ตอนปี 2015 ในแต่ละวัน กอร์ดอน คอยบริหาร ลิเวอร์พูล จากบ้านของเขาใน บรู๊คไลน์ ซึ่งเป็นย่านชานเมืองบอสตัน

   ถึงกระนั้น ทั้ง คล็อปป์ และ กอร์ดอน พูดคุยกันถูกคอทันที ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตที่เคยลำบากตอนเด็ก ๆ โดย คล็อปป์ เติบโตในย่านกลาตเท่น ละแวกเมืองสตุ๊ดการ์ท ส่วน กอร์ดอน โตในเมืองมินเนียอาโปลิส, รัฐมินเนโซต้า

   กอร์ดอน ที่สูงแค่ 5 ฟุต 8 นิ้ว เป็นคนชอบพูดแบบนุ่มนวล และมักจะพูดถึงแต่เรื่องตัวเอง ส่วน คล็อปป์ สูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว ทว่าเรื่องนิสัยนั้นถือว่าตรงกันข้าม อย่างไรก็ตาม กอร์ดอน รู้ดีว่า คล็อปป์ มีดีมากกว่าเรื่องความสูง ไปจนถึงความมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากกว่าที่เห็น

   คล็อปป์ ย้ำกับ กอร์ดอน ว่าตัวเองประทับใจโครงสร้างดั้งเดิมของ ลิเวอร์พูล มาก ๆ แต่เขาก็บอกกับบรรดาเจ้าของทีมในเรื่องความจำเป็นว่าต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะพาสโมสรก้าวไปสู่อีกระดับ

   คล็อปป์ เชื่อว่า ลิเวอร์พูล มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บมากเกินไป และหนึ่งในภารกิจแรกคือต้องทำให้มั่นใจว่ามันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกต่อไป 

   ทันทีที่บทสนทนาจบลง กอร์ดอน เดินไปบอกกับ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี่ เจ้าของทีมเลยว่า คล็อปป์ เป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยม ดีพอที่จะเป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่ ๆ ระดับนานาชาติได้อย่างสบาย ๆ เลยด้วยซ้ำ

   และในแง่ของฟุตบอล คล็อปป์ มีบุคลิกบางอย่างที่จะมอบให้แก่ ลิเวอร์พูล ซึ่งบางอย่างที่ว่าก็เป็นเรื่องที่คนอเมริกันอย่างพวกเขาไม่สามารถทำให้กับทีมได้

   ก่อนวันที่ คล็อปป์ มาถึงไม่นาน เหล่าเจ้าของทีมได้นัด คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาพูดคุยถึงเรื่องแนวทางการทำทีมเหมือนกัน กอร์ดอน เองก็ชอบ อันเช่ อยู่บ้าง แต่ลึก ๆ ในใจยังเชื่อว่า คล็อปป์ มีคุณสมบัติตรงตามที่ ลิเวอร์พูล ต้องการ

   การมาของ คล็อปป์ ช่างตรงข้ามกับ 3 ปีก่อนหน้านั้นที่ FSG ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อเกลี้ยกล่อม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ให้มาคุมทีม

   แต่สำหรับ คล็อปป์ กลับเสร็จสิ้นอย่างง่ายดาย เพราะเขาเองก็มีความต้องการที่จะทำงานกับ ลิเวอร์พูล สูงมาก ๆ จนแทบไม่มีอุปสรรคใด ๆ เลยในการเจรจา 

   โคซิคเก้ ใช้เวลาไม่นานในการตกลงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ซึ่งตอนที่คุยกันเรื่องนี้ คล็อปป์ ก็ออกจากห้องไปได้พักหนึ่งแล้ว โดยเดินไปรอบ ๆ เซนทรัล พาร์ค ข้ามไป สตรอว์เบอร์รี่ ฟิลด์ส เพื่อตรงไปยังตึก เดอะ ดาโกต้า ซึ่งเป็นสถานที่ที่ จอห์น เลนน่อน เคยพักอาศัย

  ช่วงเวลานั้นเองที่ทำให้เขาเข้าใจถึงทุกอย่างเกี่ยวกับเมืองลิเวอร์พูล...

HOSSALONSO

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร
Add friend ที่ @Siamsport

Let's block ads! (Why?)

"มาเลย" - Google News
June 26, 2020 at 01:14AM
https://ift.tt/2Z9uFPX

การได้มาซึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ - สยามกีฬา
"มาเลย" - Google News
https://ift.tt/3eDupyG
Home To Blog