บทบรรณาธิการ
26 มิถุนายน 2563
โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
ช่วงนี้ตลาดหุ้นบ้านเรามีแต่ข่าวไม่ค่อยดีมากระทบ ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยลบภายนอก เรื่องการระบาดระลอก 2 ของโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และจีน
ขณะที่ปัจจัยลบภายในหนีไม่พ้นประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืน ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นแบงก์ออกมาอย่างหนัก จนกดให้ SET Index ปรับลดลง เท่านั้นยังไม่พอช่วงปลายสัปดาห์ ท่านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ยังออกมาบอกในงานสัมนมนางานหนึ่งอีกว่า หุ้นไทยตอนนี้แพงไปแล้ว
ทั้งแบงก์ชาติ ทั้งตลาดฯ ออกมาให้ข่าวขย่มดัชนีแบบพร้อมใจกันเลยทีเดียว ถึงขนาดนักลงทุนยังถามว่า เขาจะมีอะไรมาให้หุ้นลงอีกหรือไม่ หุ้นไปดีๆ เป็นไปไม่ได้ ต้องออกมาสกัดดาวรุ่งกันซะงั้น
อีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และคาดว่าเร็วๆ นี้น่าจะเห็นก็คือ เสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องการเปลี่ยนตัวทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ภายหลังการปรับ ครม. ซึ่งมีแน่ๆ และไปแน่ สำหรับทีมของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ว่าจะ รมว.คลัง อุตตม สาวนายน รมว.อุดมศึกษาฯ สุวิทย์ เมษินทรีย์ รวมไปถึง รมต.สำนักนายกฯ ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล แม้แต่หัวหน้าทีมอย่าง ดร.สมคิด ที่แหล่งข่าวบอกมาว่าการปรับ ครม. รอบนี้คงไม่อยู่ในรายชื่อครม. อีกแล้ว
ใครๆ ก็มองออกว่า ระยะหลังๆ การทำงานของทีมเศรษฐกิจรัฐบาล มักไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากฟากฝั่งการเมืองเสียเท่าไหร่ ขณะที่สไตล์การทำงานแบบนักวิชาการหรือนักเศรษฐศาสตร์นั้นอาจสวนทางกับนักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาลหลายๆเรื่อง ยิ่งล่าสุดการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ สะท้อนให้เห็นเด่นชัดว่า งานนี้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล คงต้องเปลี่ยนแปลงกันยกทีม
ส่วนใครจะมารับตำแหน่งแทน อย่างตำแหน่ง รมว.คลัง ก็มีการคาดการณ์กะเก็งไปเลย ตั้งแต่ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ไล่มาจนถึงล่าสุด นายบุญทักษ์ หวังเจริญ อดีตเอ็มดีธนาคาร TMB หรือแม้แต่ ชาติชาย พยุหนาวีชัย ที่เพิ่งเกษียณจากตำแหน่งผู้อำนวยการ ธนาคารออมสินไปหมาดๆ ที่คาดคะเนไม่ออกเลยว่าจะยอมมานั่งเก้าอี้ร้อนๆ นี้หรือไม่
นี่ยังไม่รวมหัวหน้าทีม เพราะหากท่าน ดร.สมคิด โบกมือลาจริงๆ แล้วจะหาใครที่ไหน มาทำหน้าที่แทน เพราะยอมรับว่า พ.ศ.นี้ หาคนที่เหมาะสมยากเหลือเกิน ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่ด้วยภาวะแบบนี้ สถานการณ์ขณะนี้ ก็ไม่แน่ว่าใครจะยอมเสียสละเข้ามาดูแล เพราะรู้อยู่แล้วว่าวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้นในปีนี้ เป็นสิ่งที่ยากเย็นเหลือเกินกับการเข็นให้เศรษฐกิจประเทศเดินได้แบบสะดุดน้อยที่สุด
แย่น้อยที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังต้องลุ้นกันตัวโก่ง เพราะหากหาคนไม่เหมาะสม ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจให้กับนักลงทุน นักธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ และที่สำคัญคือประชาชนในประเทศเอง บอกเลยว่างานนี้ลุงตู่ ลำบากแน่
ในสถานการณ์ที่ประเทศชาตกำลังลำบาก การปรับ ครม. การเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ที่มีความสำคัญต่อการเดินหน้าประเทศ เป็นโจทย์ยากที่นายกฯ ที่รัฐบาล ที่บรรดานักการเมืองทั้งหลาย ต้องแก้ให้ได้ ประเทศในช่วงนี้ไม่ควรที่ใครจะเข้ามาฉกฉวยผลประโยชน์ แต่ในช่วงนี้คือใครต่างหากที่จะเสียสละเข้ามาบริหาร เพื่อให้ประเทศฝ่าวิกฤตที่เลวร้ายมากสุดอีกครั้งในประวัติศาสตร์ ... จะทำกันได้หรือไม่ เดือนหน้าก็น่าจะเห็นความชัดเจน
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
RECOMMENDED NEWS
Let's block ads! (Why?)
No comments:
Post a Comment